การลาออกที่ถูกต้อง ?
ในสัญญาจ้างไม่มีกำหนดเวลา หากลูกจ้างประสงค์จะลาออกจากงาน (การบอกเลิกสัญญาจ้างโดยฝ่ายลูกจ้าง) การลาออกที่ถูกต้องลูกจ้างจะต้องปฏิบัติตามระเบียบ คำสั่ง
ข้อบังคับของนายจ้าง และตามกฎหมาย คือลูกจ้างจะต้องแจงล่วงหน้าให้นายจ้างได้ทราบก่อนอย่างน้อย 1 งวดการจ่ายค่าจ้าง มิใช่อยู่ๆยื่นใบลาออกทิ้งไว้ที่โต้ะหัวหน้างานหรือฝ่าย HR หรือบอกลาออกด้วยวาจาวันนี้ แล้ววันรุ่งขึ้นไม่มาทำงานอีกเลย
เช่น นายจ้างกำหนดจ่ายค่าจ้างทุกวันที่ 15 และวันสิ้นเดือน หากลูกจ้างจะลาออกในวันที่ 15 ตุลาคม 2561จะต้องแจ้งการลาออกต่อนายจ้างช้าสุดวันที่ 30 กันยายน 2561เพื่อให้การลาออกมีผลในวันที่ 15 ตุลาคมฯ ( เมื่อแจ้งลาออกแล้วก็ต้องมาทำงานไปจนถึงวันที่ 15 ตุลาคมฯ) สัญญาจ้างก็จะสิ้นสุดลงวันในวันที่ 16 ตุลาคมฯ เป็นต้นไป
(ภาษากฎหมาย คือลูกจ้างต้องแสดงเจตนาลาออกหรือบอกเลิdสัญญาจ้างต่อนายจ้างก่อน หรือถึงกำหนดจ่ายค่าจ้างและมีผลเป็นการเลิกสัญญาเมื่อถึงกำหนดจ่ายค่าจ้างคราวถัดไป ตาม ม.17 ว 2 แห่งพรบ.คุ้มครองแรงงานฯ)
เมื่อลาออกแจ้งการลาออกต่อนายจ้างแล้ว (จะยื่นใบลาออกหรือแจ้งด้วยวาจาก็ได้ ตามฎีกาที่ 6701/2549 แต่ในทางปฏิบัติควรยื่นใบลาออก) ก็ไม่ต้องรอให้หัวหน้างานหรือนายจ้างอนุมัต/อนุญาตให้ลาออกแต่ประการใด ตามฎีกาที่ 6020/2545 การลาออกเมื่อยื่นหรือแจ้งลาออกต่อนายจ้างแล้วก็มีผลทำให้สัญญาจ้างสิ้นสุดลง
การลาออกไม่ถูกต้องตามระเบียบของนายจ้างและไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ย่อมเป็นการทำผิดสัญญาจ้างและไม่ชอบด้วยกฎหมาย หากเกิดความเสียหายแก่นายจ้าง ลูกจ้างต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้นายจ้าง หากไม่เสียหายลูกจ้างก็ไม่ต้องรับผิด
ผลการลาออกทำให้สัญญาจ้างสิ้นสุดลง นายจ้างก็ไม่ต้องหักเงินสมทบจากลูกจ้างส่งเงินกองทุนประกันสังคมอีกต่อไป แต่ต้องเเจ้งการลาออกของลูกจ้างไปที่สำนักงานประกันสังคม เพื่อให้ลูกจ้างที่ไปลงทะเบียนว่างงานกับกรมการจัดหางาน ได้รับเงินทดแทนในระหว่างการว่างงงาน
FB : Narongrit Wannaso
กสร. ถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน ประจำปี 2563 ณ วัดพระนอนจักรสีห์ วรวิหาร จังหวัดสิงห์บุรี
วันที่ 25 ตุลาคม 2563 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานให้ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน อัญเชิญผ้าพระกฐินพระราชทานประจำปี 2563 นำไปถวายแด่พระสงฆ์จำพรรษาถ้วนไตรมาส ณ วัดพระนอนจักรสีห์ วรวิหาร พระอารามหลวง จังหวัดสิงห์บุรี โดยมี นาย อภิญญา สุจริตตานันท์ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เป็นประธานในพิธี ถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน พร้อมด้วย คณะผู้บริหารระดับสูง ข้าราชการเจ้าหน้าที่ในสังกัด ตลอดจนหัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมพิธี ทั้งนี้ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ได้รวบรวมและถวายปัจจัยจากผู้มีจิตศรัทธาร่วมทำบุญ เพื่อทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา บูรณะพระอารามหลวง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 5,465,967 บาท
บันทึกข้อตกลงที่เป็นโมฆะและไม่เป็นโมฆะ
บันทึกที่นายจ้างและลูกจ้างตกลงกันอาจจะมีทั้งส่วนที่เป็นโมฆะ และไม่เป็นโมฆะ เช่น ตามฎีกาด้านล่างนี้ ลูกจ้างข้อตกลงในขณะยังเป็นลูกจ้าง โดยในส่วนที่จะไม่เรียกร้องเงินตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน ในการเลิกจ้าง เช่น ค่าชดเชย ค่าบอกกล่าว ตกเป็นโมฆะ เพราะขัดต่อกฎหมายคุ้มครองแรงงานซึ่งเป็นกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน
โดยศาลให้เหตุผลว่า ขณะทำข้อตกลงลูกจ้างยังไม่มีอิสระในการตัดสินใจได้อย่างสิ้นเชิง ฉะนั้น ลูกจ้างจึงฟ้องเรียกเงินส่วนนี้ (หรือที่ยังจ่ายไม่ครบ) จากนายจ้างได้
แต่ในส่วนที่ไม่เป็นโมฆะ คือ การสละสิทธิเรียกร้องเงินค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานฯ ซึ่งมิใช่เงินตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน
FB : Narongrit Wannaso
ถามว่า นายจ้างประกาศนโยบายในการทำงานระบุว่าลูกจ้างตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการขึ้นไปจะไม่ได้รับค่าทำงานล่วงเวลา
เช่นนี้ ประกาศของนายจ้างจะใช้บังคับได้หรือไม่ ?
คำตอบ หากลูกจ้างตำแหน่งผู้ช่วย.ผจก. ไม่มีอำนาจกระทำการแทนนายจ้างในกรณีการจ้าง การให้บำเหน็จ การลดค่าจ้าง หรือการเลิกจ้าง แล้ว
ลูกจ้างย่อมมีสิทธิได้รับค่าล่วงเวลาหากนายจ้างให้ลูกจ้างทำงานล่วง เวลาหรือค่าล่วงเวลาในวันหยุด เพราะไม่เข้าข้อยกเว้น ตามพ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานฯ ม.65 ว 1 (1)
ดังนั้น ประกาศฯ ของนายจ้างที่ขัดต่อกฎหมายดังกล่าวซึ่งเป็นกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ย่อมตกเป็นโมฆะ
นั่นหมายความว่า หากลูกจ้างทำงานล่วงเวลา นายจ้างก็มีหน้าที่จ่ายค่าล่วงเวลา หากไม่จ่ายก็มาฟ้องร้องเอาภายในอายุความ 2 ปี ได้
ฎีกาที่ 11587-88/2557
FB : Narongrit Wannaso