นายจ้างอ้างเหตุในการเลิกจ้างเพราะลูกจ้างละเลยต่อหน้าที่ ขาดความรับผิดชอบ ทำงานไม่มีประสิทธิภาพ
เช่นนี้ แม้ข้ออ้างในการเลิกจ้างดังกล่าวจะถือว่าลูกจ้างทำผิดระเบียบข้อบังคับของนายจ้างก็ตาม
แต่นายจ้างก็ต้องจ่ายค่าชดเชยให้ลูกจ้าง(ที่มีอายุงานตั้งแต่ 120 วันขึ้นไป)
เพราะเหตุที่นำมาอ้างในการเลิกจ้างมิใช่กรณีที่ลูกจ้างทำความผิดตามที่ระบุไว้ในมาตรา 119 แห่ง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานฯ
ดูฎีกาที่ 1254/2546
FB : Narongrit Wannaso
ผลของการตกลงผ่อนค่าชดเชยจากการเลิกจ้าง
แม้กฎหมายคุ้มครองแรงงานจะกำหนดให้นายจ้างจ่ายค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้างตามสิทธิในกฎหมาย
โดยต้องจ่ายค่าชดเชยทันทีเมื่อเลิกจ้าง และต้องจ่ายทั้งจำนวนหรือทั้งหมดที่ลูกจ้างมีสิทธิจะได้รับตามกฎหมายก็ตาม
แต่นายจ้างบางรายก็อาจจะประสบปัญหาทางด้านการเงิน อีกทั้งจำนวนที่จ่ายอาจจะมีจำนวนมาก และจ่ายให้ลูกจ้างหลายๆคนพร้อมกัน จึงไม่อาจจะจ่ายค่าชดเชยให้ลูกจ้างทั้งหมดในคราวเดียวกัน
เช่นนี้ นายจ้างก็อาจจะตกลงจ่ายค่าชดเชยเป็นงวดๆ ให้กับลูกจ้าง หากลูกจ้างยินยอมก็สามารถทำได้ เพราะเป็นการตกลงเกี่ยวกับสิทธิในทางแพ่งเกี่ยวกับการรับค่าชดเชย
ทั้งมิใช่การตกลงระงับสิทธิในค่าชดเชยของลูกจ้างอย่างสิ้งเชิงอันจะขัดต่อกฎหมายแต่ประการใด
และหากนายจ้างไม่จ่ายค่าชดเชยตามที่ตกลงผ่อนชำระ ไม่ว่างวดหนึ่งงวดใด
ลูกจ้างก็สามารถฟ้องบังคับค่าชดเชยจากนายจ้างที่ศาลแรงงานต่อไปได้
ดูฎีกาที่ 15780/2555 ด้านล่าง และคำพิพากษาศาลชำนัญพิเศษที่ 1109/2561
FB : Narongrit Wannaso
นายจ้างได้รับผลกระทบจากโควิด 19 และในบางกรณีทางการมีคำสั่งให้ปิดสถานที่ปิดกิจการลง จนต้องปิดกิจการลงชั่วคราวในชั้นต้น ...
อาจจะยังไม่ถืออว่านายจ้างได้ "เลิกจ้าง" ลูกจ้างตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน เพราะนายจ้างมิได้มีเจตนาที่จะมิให้ลูกจ้างทำงานต่อไปอย่างถาวร สิทธิได้รับค่าชดเชย จากนายจ้างอาจจะยังไม่เกิดขึ้น
แต่เมื่อทางการให้นายจ้างได้ให้นายจ้างเปิดใช้สถานที่ เปิดกิจการได้ สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด 19 ในประเทศไทยลดลงหรือแทบจะไม่มี
นายจ้างจะต้องเปิดกิจการเรียกลูกจ้างกลับเข้าทำงาน และจ่ายค่าจ้างให้ลูกจ้างตามสัญญา
หากนายจ้างไม่ได้เปิดกิจการให้ลูกจ้างได้ทำงานโดยถือโอกาสปิดกิจการถาวร แม้จะอ้างผลกระทบจากโควิด 19 ไม่มีลูกค้าหรือมีน้อยลง ออเดอร์ไม่มี หรือมีน้อยลง จำเป็นต้องปิดกิจการ ไม่มีเงินรายได้นำมาจ่ายค่าจ้างให้กับลูกจ้าง
เช่นนี้ ก็ถือว่านายจ้างได้เลิกจ้างลูกจ้างแล้วตั้งแต่วันที่นายจ้างไม่ให้ลูกจ้างมาทำงาน สิทธิเรียกค่าชดเชย ก็ย่อมเกิดขึ้น เทียบฎีกาที่ 9948-10129/2539
ส่วนลูกจ้างจะไม่เรียกร้องเพราะสงสารนายจ้างที่ไม่มีเงินจ่ายค่าชดเชย แต่จะไปเรียกร้องเอาเงินว่างงาน 70% ระยะเวลา 200 วัน จากประกันสังคม ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
FB : Narongrit Wannaso
นายทศพล กฤตวงศ์วิมาน เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้ กระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคม ได้มีมาตรการให้ความช่วยเหลือในการจ่ายสิทธิประโยชน์กรณีว่างงานเนื่องจากเหตุสุดวิสัยให้กับผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โรคระบาด ของการติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) ระลอกใหม่ในไทย ตาม “กฎกระทรวงการได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัยอันเกิดจากการระบาดของโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมาย ว่าด้วยโรคติดต่อ พ.ศ. 2563" โดยมีสาระสำคัญ ให้สิทธิประโยชน์กรณีว่างงานดังกล่าว แก่ผู้ประกันตนที่ไม่ได้ทำงานหรือนายจ้างไม่ให้ทำงานเนื่องจากต้องกักตัวหรือเฝ้าระวังการระบาดของโรค หรือไม่ได้ทำงานเนื่องจากนายจ้าง ต้องหยุดประกอบกิจการไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน เนื่องจากทางราชการมีคำสั่งให้ปิดสถานที่เป็นการชั่วคราวเพื่อป้องกันการระบาดของโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อทำให้ไม่สามารถประกอบกิจการ ได้ตามปกติ และลูกจ้างไม่ได้รับค่าจ้างในระหว่างนั้น ให้ลูกจ้างดังกล่าวมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทน กรณีว่างงาน ในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างรายวัน โดยให้ได้รับตลอดระยะเวลาที่มีการกตัวหรือเฝ้าระวัง การระบาดของโรคหรือมีคำสั่งปิดสถานที่ดังกล่าว แล้วแต่กรณีแต่รวมกันไม่เกิน 90 วัน ซึ่งมีผลใช้บังคับ ตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม 2563
เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ สำนักงานประกันสังคมได้เปิดให้นายจ้าง และผู้ประกันตน ซึ่งเป็นสถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบ ดำเนินการยื่นขอรับประโยชน์ทดแทนได้แล้ว โดยขอย้ำให้ ลูกจ้างผู้ประกันตน กรอกแบบคำขอรับประโยชน์ทดแทน (สปส.2-01/7 สามารถ download แบบได้ที่ www.sso.go.th) พร้อมเบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อได้ และแนบสำเนาสมุดบัญชีเงินฝากที่ถูกต้องแล้วนำส่งให้นายจ้างรวบรวมแบบฯ เพื่อบันทึกข้อมูลลูกจ้างตามแบบฯ สปส 2-01/7 และหนังสือรับรองการหยุดงานกรณีราชการสั่งปิด/กรณีกักตัว (นายจ้างที่ใช้ระบบครั้งแรกต้องลงทะเบียน เพื่อใช้ระบบก่อน) เมื่อนายจ้างบันทึกข้อมูลลูกจ้างเสร็จสิ้นให้นำส่งแบบฯ และหนังสือข้อมูลดังกล่าวข้างต้นในระบบ e-Service ส่งมายังสำนักงานประกันสังคมในพื้นที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ หรือทางไปรษณีย์(ลงทะเบียน) ภายใน 3 วันทำการ นับแต่วันที่บันทึกข้อมูลในระบบ e-Service บน www.sso.go.th
หากข้อมูลถูกต้องครบถ้วน สำนักงานประกันสังคมจะโอนเงินเข้าบัญชี ภายใน 5 วันทำการ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนายจ้าง ผู้ประกันตน และลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาติดต่อ ที่สำนักงานประกันสังคม อีกทั้งลดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อีกด้วย หากนายจ้าง และผู้ประกันตน มีข้อสงสัยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานประกันสังคมทุกแห่งทั่วประเทศ หรือโทร.1506 (เจ้าหน้าที่ให้บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง)
-------------------------------
ศูนย์สารนิเทศ สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน